สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว ทางด้านจิตใจ ตามหลักจิตวิทยา การออกกำลังกายส่งผลต่อจิตใจในการลดความเคร่งเครียด

สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว ทางด้านจิตใจ ตามหลักจิตวิทยา การออกกำลังกายส่งผลต่อจิตใจในการลดความเคร่งเครียด


สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว ทางด้านจิตใจ ตามหลักจิตวิทยา การบริหารร่างกายมีผลต่อจิตใจสำหรับในการลดความเคร่งเครียด ด้วยเหตุนั้น ระหว่างการฝึกหัด รวมทั้งบริหารร่างกาย ควรต้องทำจิตใจให้แจ่มใส พร้อมที่จะเล่นมานะขจัดปัญหาเรื่องที่ก่อกวนจิตใจ แม้ไม่สามารถที่จะขจัดได้จริงๆก็ควรจะงดเว้นการฝึกหัด เพราะว่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติภัยได้ง่ายความสม่ำเสมอ ไม่ว่าการฝึกหัดเพื่อชิงชัย หรือเพื่อสุขภาพก็ตาม ต้องอุตสาหะรักษาความสม่ำเสมอไว้ การฝึกหนักต่อเนื่องกัน 1 เดือนแล้วหยุดไปครึ่งเดือน แล้วมาเริ่มต้นใหม่ จะเริ่มเท่ากับความหนักหนสุดท้ายก่อนหยุดมิได้ แต่ว่าจึงควรลดความหนักของการฝึกฝนลงให้ต่ำลงยิ่งกว่าการฝึกคราวสุดท้าย แล้วจึงค่อยๆเพิ่มการพักผ่อนหย่อนใจ ข้างหลังการฝึกฝน แล้วก็การบริหารร่างกายแล้ว จึงควรมีการพักผ่อนให้เพียงแต่ชนิดของการบริหารร่างกายการบริหารร่างกายสามารถจัดชนิดและประเภทออกได้หลายลักษณะ โดยเฉพาะ สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว การแยกจำพวกการออกกำลังกายตามลักษณะของการฝึกฝน เพื่อการเสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกาย โดยนึกถึงองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายเป็นหลัก ซึ่งสามารถแยกประเภทได้ดังต่อไปนี้การบริหารร่างกายแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic exercise) เป็นการใช้พลังงานจากสารพลังงานหรือ Adenosine Triphosphate (ATP) ที่สะสมอยู่ในเซลล์กล้าม เช่นการทำงานเบาๆการวิ่งระยะสั้นๆการยกน้ำหนัก เป็นต้น ร่างกายไม่ใช้ออกสิเจนเลย นักกีฬากลุ่มนี้ได้รับการฝึกกระทั่งภาวะร่างกายมีความรู้และความเข้าใจ สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว เป็นหนี้เป็นสินออกสิเจนได้ดิบได้ดีการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน (Aerobic exercise) มักเรียกทับศัพท์ว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ศาสตราจารย์หมออวย เกตุสิงห์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬาของไทยได้ใช้คำว่า “อากาศนิยม” เป็นการบริหารร่างกายที่ทำให้ร่างกายเพิ่มพูนความสามารถสูงสุดสำหรับเพื่อการรับออกสิเจน ทำให้ได้เรื่องดำเนินการของหัวใจ แล้วก็ปอดเป็นเวลานานพอที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณประโยชน์ขึ้นภายในร่ายกาย เป็นการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนส่วนต่างๆของร่ายกายด้วยความเร็วระดับปานกลาง ในระยะเวลาขั้นต่ำ 10 นาทีขึ้นไป ร่ายกายจะหายใจคัดแยกออกซิเจนเข้าไปใช้สำหรับในการสร้างพลังงานเพิ่มขึ้นกว่าระดับปกติมากมาย ทำให้ระบบหายใจ แล้วก็ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานมากเลวระยะหนึ่ง นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความคงทนของระบบดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว การบริหารร่างกายแบบแอโรบิค เช่น ว่าย วิ่ง ถีบรถจักรยาน เดินเร็วๆเต้นรำแอโรบิค กรรเชียงเรือ กีฬายกน้ำหนักแบบแอโรบิค กระโจนเชือก วิ่งคงที่ เป็นต้น ในปัจจุบันจัดว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิคมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดการออกกำลังกายแบบไอโซเมติก (Isometric exercise) เป็นการออกกำลังกายโดยการเกร็งกล้ามโดยไม่มีการเคลื่อนไหวส่วนอะไรก็แล้วแต่ของร่างกาย เป็นต้นว่า การเกร็งกล้าม มัดใดมัดหนึ่ง หรือกรุ๊ปหนึ่งสักประเดี๋ยวแล้วคลาย และเกร็งใหม่ ทำสลับกัน หรือการออกแรงดึงดันวัตถุที่ไม่เคลื่อน ดังเช่น ดันกำแพง วงกบบานประตู หรือพากเพียรชูเก้าอี้ที่พวกเรานั่งอยู่ เป็นต้น อันจะมีผลให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้น จากการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับความแข็งแรง พบว่า การเกร็งกล้ามด้วยกำลัง 2 ใน 3 ของกำลังสูงสุดเป็นเวลา 6 วินาที โดยทำเพียงแค่วันละครั้ง จะช่วยทำให้กล้ามแข็งแรงได้พอ โดยมีหลักดูดังนี้ ก่อนจะมีการฝึกครั้งต่อมา ร่างกายจะต้องแจ่มใสอยู่ในสภาพเดิมหรือดีกว่าเดิม การฝึกฝนวันต่อมาจึงจะทำให้มากเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากการฝึกหัด และก็การออกกำลังกายต้องเสียพลังงานสำรองไป จำเป็นที่จะต้องมีการทดแทนรวมทั้งซ่อมส่วนที่สึกกร่อนรวมทั้งเสริมสร้างให้แข็งแรงขึ้น ขั้นตอนการ สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว กลุ่มนี้จะเกิดขึ้นเวลาที่ร่างกายมีการพักผ่อนอย่างพอเพียงแค่นั้น

การบริหารร่างกายแบบไอโซโทนิก (Isotonic exercise) เป็นการบริหารร่างกายต่อสู้กับแรงต้านทานโดยกล้ามมีการหดตัว หรือคลายตัวด้วย ซึ่งหมายถึงมีการขยับเขยื้อนข้อต่อ หรือแขนขาด้วย อาทิเช่น การชูสิ่งของขึ้น หรือวางลง การบริหารร่างกายแบบนี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อผูกต่างๆโดยตรง ทำให้กล้ามเนื้อโตขึ้น แข็งแรงขึ้นการออกกำลังกายแบบไอโซคิเนติเตียนก (Isokinetic exercise) เป็นการบริหารร่างกายโดยให้ร่างกายต่อสู้กับแรงต้านทานด้วยความเร็วคงที่ นับเป็นการออกกำลังกายแบบใหม่ ด้วยการประดิษฐ์วัสดุบริหารร่างกายที่นำสมัย ผนวกกับเครื่องคอมพิวเตอร์คล้ายกับการออกกำลังแบบไอโซโทนิก แต่ว่าเป็นการออกแรงต่อวัสดุที่ทำขึ้นมา ไม่ว่าดึงออกหรือเข้า ยกขึ้นหรือวางลงก็จำต้องออกแรงเท่ากัน และด้วยความเร็วเสมอกันเสมอการกำหนดหนทางแนวทางดำเนินงานสำหรับการออกกำลังกายและการทดลองสำหรับแต่ละบุคคล

(Exercise Testing and Prescription for Individual)

Exercise Prescription คือ การกำหนดหนทาง หรือวิธีปฏิบัติการออกกำลังกาย ที่จะชี้แนะให้แก่บุคคลที่ร่วมกิจกรรมการออกกำลังกายได้ปฏิบัติอย่างแม่นยำสมควร โดยมีหลักเกณฑ์สำหรับเพื่อการแนะนำอย่างมีระบบ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละบุคคล และ มีการกำหนด หรือเจาะจงประเภทของกิจกรรมการออกกำลังกาย ความหนักของงาน ระยะเวลา ความหลายครั้งหรือความถี่ รวมทั้งความรุ่งเรืองของกิจกรรมการบริหารร่างกายจุดมุ่งหมายของ Exercise Prescriptionเป้าหมายของการกำหนดหนทาง หรือกรรมวิธีการดำเนินการบริหารร่างกายนั้น จำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงความพึงพอใจ ความปรารถนา และรากฐานทางสภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคลมีจุดหมายเพื่อ

1. เป็นการพอกพูน หรือสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย

2. เป็นการสร้างเสริมสุขภาพ รวมทั้งลดอัตราการเสี่ยงต่อโรคที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือคุ้มครองการกลับคืนมาของโรค

3. เป็นการประกันความปลอดภัยแก่บุคคลนั้นในช่วงเวลาที่บริหารร่างกาย (American College of Sports Medicine, 1995)การกำหนดวิถีทาง หรือวิธีการทำงานบริหารร่างกาย จะถูกกำหนดเป็นโปรแกรมการบริหารร่างกายที่กระจ่างแจ้ง สามารถที่ปฏิบัติได้ง่าย รวมทั้งโปรแกรมการบริหารร่างกายที่ดีนั้น จะต้องเป็นลักษณะที่เรียกว่า Well - rounded exercise program ซึ่งจะประกอบด้วย

1. กิจกรรมการบริหารร่างกายที่เป็นแบบแอโรบิค ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนา และก็รักษาภาวะของสมรรถภาพทางด้านร่างกายด้านระบบไหลเวียนเลือด และก็การหายใจ (Cardiorespriatory fitness)

2. ควรมีการกำหนดขั้นตอนการออกกำลังกาย สำหรับการควบคุมน้ำหนัก (Weight control) ที่เหมาะสม

3. จะต้องมีกิจกรรมที่ฝึกฝนความแข็งแรง และก็ความทรหดอดทนของกล้ามเนื้อ (Strength and muscular endurance activity)

4. น่าจะควรจะมีกิจกรรมที่ฝึกความอ่อนตัว (Flexibility)การบริหารร่างกายที่เป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเจาะจง (Specificity) เป็นเรื่องสำคัญที่จะจำต้องไตร่ตรองสำหรับในการระบุทาง วิธีการปฏิบัติงานสำหรับในการบริหารร่างกาย ดังเช่น การฝึกความ แข็งแรง และความทรหดอดทนของกล้าม จะเป็นการช่วยปรับปรุง แล้วก็รักษาสภาพความสมบูรณ์ของกล้ามและกระดูก ทั้งยังเป็นการคุ้มครองปกป้องการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ การบาดเจ็บรอบๆ สมรรถภาพ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว ข้างหลังส่วนล่าง เป็นต้น สำหรับการฝึกหัดการอ่อนตัวนั้น เป็นการมุ่งที่ปรับปรุง และรักษาภาวะเกี่ยวกับช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อที่มีการขยับเขยื้อนบ่อยๆให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และการที่มีความอ่อนตัวต่ำลงส่งผลให้เกิดการมีรูปร่างรูปร่างที่ไม่ดีกำเนิดความอ่อนแรงแล้วก็เจ็บได้ง่ายอีกด้วย

Report Page